๗ – แนวคิดอันลื่นไหล

อาจารย์ ญาณิโก

๗ – แนวคิดอันลื่นไหล

เรารู้จักขอบเขตของวัดตามธรรมเนียมแต่โบราณที่เรียกว่า สีมาหรือพัทธสีมา กำหนดเป็นเขตที่จัดพิธีสงฆ์ที่สำคัญ เช่น การทำสังฆกรรมซึ่งมีการสวดปาติโมกข์ทุกสองสัปดาห์ ในเขตพัทธสีมามักจะมีอุโบสถให้คณะสงฆ์ร่วมกันทำสังฆกรรมตามพระวินัย สีมานี้ที่จริงแล้วจะกำหนดเป็นเขตในป่าตามธรรมชาติก็ได้ โดยจัดบริเวณที่ล้อมรอบด้วยป่า หรือมีลักษณะภูมิศาสตร์บางอย่างมาแสดงเขต เช่น สระน้ำ บ่อน้ำ ต้นไม้ เนินดิน โขดหิน เป็นต้น เป็นเวลาหลายร้อยปีในประเทศไทยนั้น วัดจะมีแผ่นหินแกะสลักเป็นใบสีมาปักกำหนดบริเวณที่คณะสงฆ์ทำสังฆกรรมรวมถึงพิธีอุปสมบท

นอกจากนี้ในประเทศไทยก็ยังมีพัทธสีมากลางน้ำด้วย เป็นการสร้างอุโบสถในสระหรือบึงเชื่อมด้วยสะพานที่เว้นช่องว่างแคบๆ ระหว่างตัวโบสถ์และคอสะพาน เพื่อแสดงว่าได้แยกเขตจากแผ่นดินโดยมีน้ำล้อมรอบทุกด้านแล้ว ไม่ว่าพัทธสีมาหรือสีมาจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม จุดประสงค์ก็เพื่อกำหนดพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ตามระเบียบวิธีเดียวกันที่วัดพุทธต่างก็ใช้มานานหลายศตวรรษ

นับแต่เริ่มก่อตั้ง วัดอภัยคีรีได้อาศัยสีมาแบบป่าธรรมชาติ การที่มีป่าอันกว้างใหญ่ครอบคลุมอาณาบริเวณของวัด เราจึงมีอิสระในการกำหนดสถานที่ให้คณะสงฆ์ร่วมสังฆกรรมที่อาจโยกย้ายตำแหน่งได้บางเวลาที่เหมาะสม เช่น เราจัดสวดปาติโมกข์ที่อาคารสงฆ์อเนกประสงค์บนเขา ทว่าในยามที่อากาศร้อนจัดมาก(กว่าในประเทศไทย) อาจย้ายมาสวดข้างล่างในโรงฉันของสงฆ์ภายใต้ลมเย็นจากเครื่องทำความเย็นก็ได้

เหนืออาคารสงฆ์บนเขาเล็กน้อย เรามีลานบวช ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่งดงามปางปฐมเทศนามีธรรมจักรอยู่เบื้องหลัง คณะสงฆ์ได้จัดพิธีอุปสมบทพระภิกษุไปหลายรูปที่ลานหรือแท่นบนเขานี้ระหว่างที่ยังไม่มีโบสถ์ที่ก็สร้างเสร็จเมื่อไม่นาน แท่นพื้นไม้รูปแปดเหลี่ยมนี้ถูกสร้างขึ้นตรงจุดหนึ่งซึ่งกำหนดไว้เป็นพื้นที่สร้างอุโบสถในอนาคต และวัดเราก็ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างได้ตรงบริเวณนี้ตั้งแต่มีการยื่นขอปรับเปลี่ยนการใช้สถานที่เมื่อยี่สิบปีก่อน

แหละในสองสามปีมานี้ ชาววัดก็เริ่มบุกเบิกทำเลสร้างเจดีย์ในตำแหน่งที่สูงมากขึ้นถึงได้ยากทว่าจะสามารถมองเห็นได้จากทุกจุด เป็นพื้นที่แคบบนแขนงเล็กหนึ่งบนเทือกเขาที่พาดผ่านใจกลางวัด แม้จะเป็นที่ตั้งอันเข้าถึงยากที่สุดแห่งหนึ่ง พวกเราก็พยายามขุดทางไต่ขึ้นไปได้สำเร็จและเป็นที่ไปนั่งภาวนาที่ดีแห่งหนึ่ง ทว่า มีประเด็นสำคัญให้ต้องพิจารณา นั่นคือ การสร้างองค์เจดีย์ที่นั่นจะพบกับความท้าทายที่ต้องนำวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไป ผ่านทางสันเขาข้างบน ซึ่งก็มีถนนตัดไม้สมัยก่อนใกล้ๆ แต่ตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้อายุราว 100 ปีขึ้นไป

เมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา อาตมาได้เดินเขาสำรวจกับคุณฮีท การ์มิน ผู้เป็นนักสร้างถนนท้องถิ่น ไปดูกันว่ามีข้างเขาสูงชันจุดใดที่พอจะทำถนนตัดลงสู่จุดที่คาดว่าจะสร้างเจดีย์บนสันเขาได้ หลังจากต้องลื่นไหลลงเขามาชนกับกอต้นโอ้คซ์ พุ่มชาพารอล และต้นแมนซานิต้า แล้วยังเหงื่อตกเมื่อพยายามไต่กลับขึ้นไป ฮีทบอกอาตมาราวไม่เหลือทางเลือกว่า “ผมไม่แน่ใจว่าจะตัดทางลงให้ได้ครับ” นี่ออกมาจากปากของผู้เชี่ยวชาญการขุดเขาทำถนนอันเลื่องชื่อในด้านการลุยทำงานเสี่ยงสุดๆ ที่คนอื่นส่ายหน้าไม่รับ เมื่อไม่อาจสร้างทางลงจากสันเขาได้ เราก็จะนำครูบาอาจารย์อาวุโสลงไปประกอบพิธีที่นั่นได้อย่างไรกัน ไหนจะญาติโยมที่มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคสร้างเจดีย์อีกเล่า ที่จะไต่ขึ้นไปชมหรือใช้เวลาสวดภาวนา ณ เจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่ต้องกล่าวซ้ำอีกครั้งถึงเรื่องที่จะนำวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างต่างๆ ขึ้นไปได้อย่างไรมากมาย

เมื่อสองเดือนก่อน ในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2020 พระอาจารย์กรุณาธัมโมท่านอำลาวัดอภัยคีรีไปจำพรรษาในช่วงเข้าพรรษานี้ที่วัดสาขาอาศรมแปซิฟิกในมลรัฐวอชิงตัน และก็เป็นการเกษียณอายุจากการเป็นเจ้าอาวาสร่วมกับอาตมาด้วย ทิ้งให้อาตมาเป็นเจ้าอาวาสแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งอาตมาก็เพิ่งพบว่าท่านได้ช่วยกันอาตมาออกจากประเด็นปัญหาต่างๆ ไว้หลายเรื่อง เมื่อท่านจากไปในสองสัปดาห์แรก จัดได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตพระที่ลำบากยากเย็นที่สุดช่วงหนึ่งของอาตมาเลยทีเดียว มีปัจจัยต่างๆ ถาโถมมาในเวลาเดียวกัน เช่น ไวรัสระบาดโลก การเตรียมเข้าพรรษาของคณะสงฆ์ ความไม่มั่นใจว่าอาตมาจะมีความสามารถสอนและฝึกพระบวชใหม่ได้ดีหรือไม่ อาตมาจึงลาไปปลีกวิเวกเข้ากรรมฐานเงียบเป็นเวลาสามวัน เพื่อความสงบระงับใจและพิจารณาใคร่ครวญอย่างมีสติ

ในช่วงเข้ากรรมฐานสามวันนั้น คืนหนึ่งอาตมาเดินไปสู่ลานบวชเพื่อนั่งภาวนา ตอนนั้นเลยห้าทุ่มไปแล้ว ท้องฟ้าไร้ดวงจันทร์ เห็นจักรวาลแห่งดวงดาวสดใส พร้อมทั้งทางช้างเผือกพาดผ่านเหนือศีรษะ มีสายลมเบาๆ อบอุ่น พัดผ่าน ทำให้รู้สึกถึงความเบาสบายในการนั่งภาวนากลางดึกนี้ และย้อนระลึกถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ณ ลานบวชแห่งนี้ เมื่อปี ค.ศ. 2004 หลวงพ่อเลี่ยมท่านได้เมตตามาบรรจุพระสารีริกธาตุในธรรมจักรอันเป็นรัศมีหลังเศียรพระพุทธรูป… เมื่อปี 2007 หลวงพ่อเปลี่ยนเมตตาแสดงธรรมโดยมีหลวงพ่อปสันโนแปลเป็นภาษาอังกฤษ…แล้วยังมีพิธีบวช…การทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็นในช่วงหลายพรรษาในอดีต…แล้วความคิดก็ผุดขึ้นมาว่า “ทำไมไม่สร้างองค์เจดีย์ที่ตรงนี้เล่า?” ใบอนุญาตปรับการใช้ประโยชน์/ก่อสร้างก็มีอยู่แล้ว เรารวมการสร้างอุโบสถและองค์เจดีย์ไว้ด้วยกันให้สามารถเดินเข้าไปข้างในได้ แล้วเราก็กำหนดเขตพัทธสีมารอบบริเวณนี้ให้เหมาะสม

เมื่อออกจากกรรมฐาน อาตมานำเรียนหลวงพ่อปสันโนถึงแนวคิดที่ผุดขึ้นดังกล่าว หลวงพ่อท่านยิ้มและตอบว่า “เป็นความคิดที่ดี!” ต่อมา อาตมาก็โทรไปหาฮีทช่างทำถนนตัวยง เพื่อเล่าถึงการเปลี่ยนแผนในการสร้างเจดีย์ เขาตอบว่า “ผมว่า…สุดยอดเลยครับ”
ในที่สุด…ความคิดอันไหลลื่นก็ตกผลึก ใจก็สงบ